หมอมีข้อคิดเกี่ยวกับยารักษาสิวที่ชื่อโรแอคคิวเทน ( Isotretinoin ) หรือชื่ออื่นๆเช่น แอคโนติน ไอโซเทน ยาIsotretinoin เป็นยาควบคุมเฉพาะสำหรับแพทย์สั่งจ่ายเท่านั้นแต่ในความเป็นจริงด้วยความรู้เท่าไม่ถึงกาลหรือเห็นแก่ประโยชน์บางอย่างทำให้ยาIsotretinoin สามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดายตามร้านขายยาทั่วไปซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในสังคมไทย
เหตุใดหมอถึงหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเขียนเป็นเพราะว่าคนไข้ส่วนใหญ่คิดว่าสามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับการใช้ยาIsotretioninได้เองโดยไม่ต้องพึ่งแพทย์ซึ่งแค่คิดก็ผิดแล้ว แพทย์เองเมื่อต้องสั่งยา Isotretinoin ยังต้องคิดแล้วคิดอีกถึงผลดีผลเสียต่อคนไข้เลยเพราะมีอุทาหรณ์มากมายเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาเช่น ทารกพิการ ตับแข็งจากยา เป็นต้น ดังนั้นเรามาทำความรู้จักยา Isotretinoin
Isotretinoin หรือชื่อทางการค้าเช่น Roaccutane, Acnotin, เป็นกรดวิตามินเอชนิดหนึ่งใช้รักษาสิวที่เป็นมากและรุนแรง ดื้อต่อการรักษาด้วยยาชนิดอื่นแล้วลักษณะเม็ดยาเป็นแคปซูลลูกรักบี้มีขนาด 10 และ 20mg ผลดี คือ สิวหายได้ค่อนข้างสมบูรณ์และสงบได้เป็นเดือน หรือเป็นปีขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ผลเสีย คือ ผลข้างเคียงมากมายซึ่งจะกล่าวต่อไป
กลไกการออกฤทธิ์ของยา
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดแต่เชื่อว่าไปควบคุมการสร้างไขมันของต่อมไขมันทำให้น้ำมันลดลง
ขนาดยาที่ใช้
ขนาดยาที่แนะนำ คือ 0.5-1 mg/kg/วัน ( ถ้าน้ำหนักตัว50KG ต้องใช้ยาวันละ 25-30mg หรือยา1-3เม็ด/วัน ) ตามความเชื่อเดิมที่ว่ากินยาครบ 120mg/kg จะทำให้ไม่เกิดสิวอีกเลยไม่ถูกต้อง
เนื่องจากผลข้างเคียงจากยา Isotretinoin นีตนาทคลินิกและศูนย์รักษาสิวเอส วี เจ โดยนายแพทย์สมนึก อมรสิริพาณิชย์ พยายามที่จะลดการใช้ยาIsotretinoin ในคนไทย ในปี 2532 ได้ลดการใช้ยาแอคคิวเทนลงในปริมาณ0.1mg/kg/วัน และหลังจากมีการนำพลังงานแสงเลเซอร์มาร่วมในการรักษาสิว ( ปี 2547 ) สามารถลดและงดการใช้ยาแอคคิวเทนในผู้ป่วยจำนวนมาก
ผลข้างเคียงของยา
สัมพันธ์กับขนาดยาที่ให้
ประเด็นแรกที่เป็นปัญหามากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบันคือ
1. ผมร่วง ตามสถิติคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วงในวัยรุ่นของนีตนาทคลินิก หมอพบว่ามากกว่า 70% กินยารักษาสิวอยู่ ดังนั้นใครที่มีปัญหาผมรวงและเป็นสิวควรหลีกเลี่ยงการกินยา Isotretinoin และเปลี่ยนวิธีการรักษาสิว
2. ปากแห้ง ผิวหนังแห้ง ตาแห้ง จมูกแห้ง พบเกือบทุกราย หมอเคยพบคนไข้ที่ใส่คอนแทคเลนส์แล้วตาแห้งมากเกิดปัญหาการติดเชื้อตามมา
ทำให้ทารกในครรภ์พิการ
3. ผิวหน้าร้อนแดง ผิวหนังอักเสบ ผิวคล้ำขึ้นและไวต่อแสง มีตุ่มคัน ตุ่มหนอง เนื้อรอบเล็บเป็นหนอง เล็บผิดรูปร่าง เพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
4. ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ มีการสร้างกระดูกมากขึ้นทำให้เส้นเอ็นอักเสบเนื่องจากมีการรวมตัวของแคลเซียมรอบเส้นเอ็น
ทำให้แกนกระดูกปิดตัวเร็วจึงต้องระมัดระวังในการให้ยาในเด็ก
5. มีอาการเครียด ซึมเศร้า หดหู่ แนวโน้มการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิตใจอยู่ก่อนแล้ว ประเด็นนี้น่าสนใจเนื่องจากปัจจุบันอัตราการเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้นการตัดสินใจรับประทานยาจึงควรระมัดระวังและไม่แน่ว่าอาการซึมเศร้าอาจเป็นเพราะยาหรือไม่
6. อาการตาพร่ามัวเวลากลางคืน กลัวแสง ประสิทธิภาพในการมองเห็นเปลี่ยนไป
7. หลอดลมหดเกร็ง ในรายที่เป็นโรคหอบมาก่อน
8. การติดเชื้อได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะแบคทีเรียชนิดแกรมบวก
9. ไขมันในเลือดสูงขึ้น โดยเฉพาะไตรกลีเซอร์ไรด์พบได้ประมาณ 25% และโคเลสเตอร์รอลสูง พบได้ 7%
ผลต่อตับ ทำให้เอนไซม์ในตับสูงขึ้น พบได้ประมาณ 15%
10. กรดยูริกในเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นคนเป็นโรคไตต้องหลีกเลี่ยง
ใครบ้างที่ห้ามรับประทานยา Isotretinoin
สำคัญที่สุดคือ หญิงวัยเจริญพันธุ์ต้องคุมกำเนิดก่อนรับประทานยา1เดือนและตลอดช่วงรับประทานยาจนถึงหลังหยุดยา 1 เดือน
ในผู้ชาย ยาไม่ทำให้เป็นหมันหรือมีผลต่อลูก
น้องๆที่คิดซื้อยากินเอง
หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร
ผู้มีปัญหาโรคตับ เช่น ไวรัสตับอักเสบ ตับแข็ง
ผู้มีปัญหาโรคไต
ผู้มีไขมันในเลือดสูง
ผู้ที่แพ้ยาตัวนี้
ห้ามให้ร่วมกับยาแก้อักเสบในกลุ่มเตตร้าไซคลิน และ วิตามินเอ
ในปัจจุบันมีการใช้ยาอย่างแพร่หลายยาทุกชนิดมีทั้งคุณและโทษดังนั้นการเลือกใช้ยาใดๆควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ไม่ควรนำตนเองไปเสี่ยงกับการใช้ยาเองเพราะสุขภาพเป็นสิ่งที่เสียแล้วไม่สามรถซื้อคืนกลับมาได้
ด้วยความปรารถนาดี
เครื่องมือไหนดีกว่ากันระหว่าง Ulthera กับ Thermage
เครื่องมือไหนดีกว่ากันระหว่าง Ulthera กับ Thermage ???
ไม่มีเครื่องไหนดีกว...
|
"""Thermage Promotion"""
||||| 1-30 NOV 2017 |||||
---------------------------------------...
|